TOYOTA REVO
สามารถแบ่งตามเกรด และราคาดังนี้
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (Revo) รถมือสองที่ยังคงได้รับความนิยมแบบครองมาจิ้นในแบบที่ว่าเหนือกว่ารุ่นอื่นก็ว่าได้ เพราะ โตโยต้า รีโว่ เป็นรถกระบะที่ใครๆก็อยากเป็นเจ้าของ จึงเป็นรถมือสองที่ขายกันไม่หยุด
และ ได้เพิ่มรุ่น TRD Sportivo มาพร้อมกับชุดแต่งรอบคันทั้งภายนอกและภายใน มาพร้อมกับช่วงล่าง DCS พัฒนาใหม่ออกแบบและพัฒนาโดย TRD
ต่อมา ได้ทำการปรับอุปกรณ์ในรุ่น E เช่น แผงตกแต่งคอนโชลภายใน จากสีดำเป็นสีโครเมื่ยม เพิ่มรุ่นย่อย E Plus และ ลดออฟชั่นในรุ่น J,J Plus และ E เช่น ระบบไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์/ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ/ระบบปรับไฟสูง-ตํ่าอัตโนมัติ/ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL (Daytime Running Light) ส่วนรุ่น Double Cab 2.4 G ยกสูง และรุ่น Smart Cab G ยกสูง ได้ปรับเปลี่ยนไฟหน้าใหม่ จากเดิม ไฟหน้าฮาโลเจนมัลติรีเฟลกเตอร์ มาเป็น ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ LED พร้อม ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL (Daytime Running Light) แบบ LED แทน
ต่อมา ได้เพิ่มรุ่นมาตรฐาน 2.4 J แค็บและแชสซีส์ ในราคา 516,000 บาท
และได้ปรับเล็กน้อยเช่น กระจกไฟเลื้ยวรมดำ เพิ่มไฟส่องห้องโดยสารเปิดอัตโนมัติ และไฟส่องตำแหน่งกุญแจในรุ่น J Plus ยกเลิกรุ่น 2.7 Double Cab 4X2
รุ่นปรับโฉม (2017)
2017 ได้มีการปรับโฉมเพื่อกระตุ้นยอดขาย เช่นกระจังหน้า,กันชนหน้า,ไฟตัดหมอก เป็นดีไชน์ใหม่หมด ส่วนรุ่น MY2017 ชึ่งมาในโฉมเดิมแต่เพิ่มออฟชั่นให้มากขึ้นรวมถึงการเพิ่มรุ่น Rocco เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ทั้งแบบ Double Cab และ Smart Cab ซึ่งเป็นความคุ้มค่าสำหรับผู้บริโภคอย่างเรา เมื่อเป็นรถมือสอง ยิ่งคุ้มค่ากับราคา
ต่อมา Toyota Hilux Revo ได้เปลี่ยนเกียร์ธรรมดาจาก 5 เป็น 6 สปีดในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ เพิ่มเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ในรุ่นมาตรฐาน ขับเคลื่อน 2 ล้อ, Smart Cab ขับเคลื่อน 2 ล้อ, Double Cab ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกเลิกรุ่น MY2017 และ รุ่นเครื่องยนต์ 2.7 ส่วนรุ่น 2.8 G Double Cab มีการเพิ่มระบบ T-Connect Telematics รวมถึงการเพิ่มรุ่น Rocco 2.4 ลิตร
ปี 2562 เปิดตัวรุ่น Z Edition ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อทั้ง Smart Cab และ Double Cab ปรับกันชนหน้าและกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ และโตโยต้าได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดมลพิษทางอากาศมาโดยตลอด จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับการใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20
เปิดตัวรุ่นแต่งพิเศษ ECU ULTRA BOOST โดยกล่องเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ จะทำงานร่วมกับ ECU หลักของเครื่องยนต์ ช่วยเพิ่มพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า 518 นิวตันเมตร
และ เปิดตัวรุ่นปรับโฉมใหม่ และเพิ่มพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า 500 นิวตันเมตร (รุ่น 2.8 Super Power)
รุ่นปรับโฉมครั้งที่ 2 (2020)
2020 การปรับโฉม Minorchange รอบที่ 2 คราวนี้ทำการเปลี่ยนงานออกแบบด้านหน้าตัวรถอีกครั้ง พร้อมกับการจูนเครื่องยนต์ใหม่ เปลี่ยนดีไซน์ไฟท้ายใหม่ Toyota Hilux REVO Minorchangeเปลี่ยนแปลง เช่น ไฟหน้า Bi-Beam LED, กระจังหน้า, กันชนหน้า, ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว และ ไฟท้าย ดีไซน์ใหม่
ส่วนภายในห้องโดยสาร แดชบอร์ดจะใช้ดีไซน์เดิม แต่มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ เล็กน้อย เช่น ชุดมาตรวัด, หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว, วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร ดีไซน์ใหม่ และ ระบบเครื่องเสียง รองรับ Apple CarPlay™ และ Android Auto™
นอกเหนือจากงานดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนไปแล้ว Toyota Hilux REVO เปิดตัวคือ ” เครื่องยนต์ ” จูนเพิ่มพละกำลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ เพิ่มพละกำลัง เป็น 204 แรงม้า 500 นิวตันเมตร (เพิ่มจากเดิม 27 แรงม้า 50 นิวตันเมตร)
และยังติดตั้งระบบ Toyota SAFETY SENSE มาให้
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
- ระบบความปลอดภัยก่อนเกิดเหตุ Toyota Safety Sense
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน และ เบรกอัตโนมัติ Pre-Collision System
- ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงพวงมาลัยอัตโนมัติ Lane Keeping Assist
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control
Toyota Hilux Revo 2020-2021 ได้รับการพัฒนาโดยฝีมือคนไทยตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยการนำเอาข้อมูลท้ังหมดที่ได้รับจากการลงภาคสนาม นำมาสู่การพัฒนา รถโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่ ภายใต้แนวคิด TOUGHNESS FOR EVERYONE ที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
การออกแบบ (Design)
มีความแข็งแกร่ง ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น รูปลักษณ์ภายนอกใหม่ที่ให้ความแข็งแกร่งในทุกมิติ แต่ยังแฝงความล้ำสมัย มาพร้อมกับไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Bi-Beam ไฟ LED Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED Light Guiding เพิ่มความโดดเด่น ในยามค่ำคืน
รูปลักษณ์ภายใน เพิ่มความล้ำสมัยด้วยหน้าจอสัมผัส และมาตรวัดดีไซน์ใหม่
ความสะดวกสบาย (Convenience) – หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay เชื่อมต่อทุกความบันเทิงได้อย่างอิสระ พร้อม T-Connect ระบบเชื่อมต่อรถและผู้ใช้รถให้เป็นหนึ่งเดียว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
สำหรับรุ่นพิเศษ Rocco นอกจากจะมีชุดตกแต่งพิเศษ อาทิ สปอร์ตบาร์ และล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ พร้อมยางแบบ White Letters ที่เพิ่มความแข็งแกร่ง ดุดัน และความพรีเมียมแล้วนั้น ยังเพิ่มความสุด Exclusive ให้มากยิ่งขึ้นด้วย การออกแบบกระจังหน้าและกันชนหน้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น Rocco ที่แตกต่างจากรุ่นมาตรฐานอย่างชัดเจน นอกเหนือจากนี้ ภายในห้องโดยสาร ที่ตกแต่งให้สอดรับกับการออกแบบภายนอก ที่แข็งแกร่ง และดุดัน พร้อมยกระดับความพรีเมียมด้วยวัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบพิเศษ และไฟส่องสว่างภายใน
ความนุ่มสบาย (Comfort)
ช่วงล่างที่ถูกปรับปรุงและพัฒนาขึ้นใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของการดูดซับแรงกระแทกของโช๊คอัพและเปลี่ยนวัสดุของแหนบ เพื่อยกระดับความนุ่มสบายให้มากยิ่งขึ้น เสมือนนั่งรถ SUV ระดับหรู โดยที่ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในด้านความแกร่งทนทาน และอัตราการรับนํ้าหนักได้ดีเช่นเดิม
สมรรถนะการขับขี่ (Performance)
ปรับปรุงสมรรถนะเครื่องยนต์ใหม่ในรุ่น 2.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 204 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดที่ 500 นิวตันเมตร (Nm) ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่กว้างตั้งแต่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ตอบรับทุกการขับขี่ได้อย่างเต็มสมรรถนะ และประหยัดน้ำมันมากขึ้น ระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมในทุกช่วงความเร็ว ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบ Off-Road
เครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบต่อนาที เป็น 680 รอบต่อนาที) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง ราบรื่น ไม่สะดุด หน้าจอ TFT แสดงข้อมูลตำแหน่งองศาของล้อ และติดตั้งสัญญาณเตือนกะระยะด้านท้าย และมุมกันชนหน้า-หลัง เพื่อช่วยตรวจสอบสิ่งกีดขวางรอบข้างในขณะขับขี่
ความปลอดภัย (Safety)
ครั้งแรกกับการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) มาไว้ในรถโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุดไว้มากมาย อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert)
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าในทุกกลุ่มอาชีพ โดยเราได้กำหนดแนวทางการสื่อสารในครั้งนี้ ให้สามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และบุคลิกของผู้ใช้งานแต่ละกลุ่ม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่