เฉลิมชัย รถบ้าน

ที่สุดด้านคุณภาพและบริการ ต้องเฉลิมชัย รถบ้าน
โทร : 096-242-8639 เปิดทำการทุกวัน
110/4 หมู่ 1 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี

ข่าวสารยานยนต์

ล้างห้องเครื่องยนต์ดีไหม? มีอะไรบ้างที่ต้องระวัง!!

เมื่อคุณจะทำความสะอาดรถยนต์ที่รักของคุณ ก็อยากจะให้สะอาดในทุกส่วน ทั้งภายนอก ภายในหรือแม้กระทั้ง ”ห้องเครื่อง” ที่เหมือนจะเป็นส่วนที่สกปรกได้ยากกว่าภายนอก แต่จริงๆแล้วห้องเครื่องยนต์จะสกปรกจาก ฝุ่น เศษดิน เศษโคลนที่กระเด็นมายามขับขี่

การล้างห้องเครื่องยนต์ในรถรุ่นใหม่ๆ ควรมีความใส่ใจที่มากกว่า ไม่ใช่การเอาน้ำราดหรือปืนแรงดันสูงมาฉีดใส่ห้องเครื่องยนต์ จะส่งผลเสียต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรถได้ง่าย อาจทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าผลดี ระบบของเครื่องยนต์ที่ปัจจุบันมีการนำไฟฟ้า ระบบจุดระเบิด หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เข้ามามีส่วนสำคัญทั้งหมดในการทำงานและระบบเหล่านี้ค่อนข้างจะมีความ Sensitive ต่อความชื้นได้ง่าย

I. เครื่องยนต์สะดุด เกิดจากอะไร ?

ความแตกต่างระหว่างห้องเครื่องที่สกปรกกับห้องเครื่องที่ทำความสะอาดแล้ว

อีกทั้งยิ่งวัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายไฟ ปลั๊กเสียบต่างๆ ทำจากวัสดุที่อาจจะไม่สามารถทนต่อความชื้นและความเป็นด่างของผงซักฟอกได้ยิ่งจะทำให้อายุการใช้งานของชิ้นส่วนเหล่านั้นลดน้อยลงไปอีก

ยิ่งถ้าใช้ปืนแรงดันสูงเพราะหวังจะให้คราบสกปรกในห้องเครื่องยนต์ออกไปได้อย่างง่ายดาย แต่ผลเสียที่รถจะต้องเสี่ยงนอกจากความชื้น ความแรงของน้ำอาจจะไปทำให้สายไฟ ปลั๊กต่างๆ ของเครื่องยนต์เปื่อย หลุด ขาด พัง หนักเข้าไปอีก

ดูเหมือนว่าจะมีแต่ข้อเสียถ้าจะทำความสะอาดห้องเครื่องให้ดูใหม่เอี่ยมอยู่ตลอดเวลา แต่จริงๆ แล้วถ้าทำความสะอาดได้ถูกวิธี ความเสี่ยงเหล่านั้นก็จะหมดไป แนะนำในเรื่องการเลือกร้านคาร์ แคร์ที่จะเข้าไปใช้บริการก่อนเป็นอันดับแรก ควรจะเป็นร้านที่ดูมีคุณภาพการบริการดีหน่อย อย่าเลือกเข้าพวกร้านล้างรถแท็กซี่ เพราะการเอาใส่ใจในขั้นตอนทำความสะอาดแตกต่างกันตามราคาล้างห้องเครื่องรถยนต์ ค่าบริการ

ถ้าเทียบกับร้านคาร์แคร์ที่มีคุณภาพดีบางร้านพวก Car Detailing ก็จะมีเครื่องมือใช้ในการทำความสะอาดที่ทันสมัยเฉพาะเจาะจงในห้องเครื่อง พวกระบบ Dry Ice ที่จะมีความสามารถในการซอกซอนตามจุดเล็กๆ ได้มากกว่า และถ้าเกิดล้างห้องเครื่องให้รถของคุณแล้วรถเกิดมีปัญหาเราพวกนี้เขาจะต้องรับผิดชอบให้กับความเสียหายของรถคุณ ราคาค่าบริการแพงกว่าก็ต้องได้ความมั่นใจในบริการมากกว่า

เลี่ยงการใช้น้ำแรงดันสูงฉีดไปที่ห้องเครื่องจะทำให้เกิดความเสียหายได้

หรือถ้าคุณคิดจะล้างห้องเครื่องด้วยตัวเองก็ทำได้ไม่ยากแต่ไม่แนะนำให้ล้างบ่อยๆ โดยสิ่งที่ต้องนึกถึงเสมอคือ อย่าใช้น้ำแรงดันสูงกับห้องเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ เช็ดที่คราบสกปรกแทน ถ้าคราบสกปรกติดแน่นอาจใช้เป็นพวกแชมพูทำความสะอาด หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับส่วนของห้องเครื่องยนต์โดยเฉพาะ ที่ส่วนผสมจะไม่ไปส่งผลต่ออุปกรณ์ต่างๆ ของตัวเครื่องก็ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ค่อยๆ ใช้แปรงถูด้วยความระมัดระวังเพราะถ้าไม่ระวัง แปรงหรือมือของคุณอาจไปเกี่ยวสายไฟขาด โดนปลั๊กระบบต่างๆ หลุดขึ้นมาได้ จากนั้นใช้ผ้าเช็ดออก ตามด้วยใช้ลมเป่าให้แห้งคือสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้

หลังจากใช้พวกแชมพูทำความสะอาดห้องเครื่องรถยนต์สิ่งสำคัญที่ต้องเป่าลมให้แห้ง ไม่ให้เกิดความชื้น

การทำความสะอาดห้องเครื่องไม่ได้ยาก เพียงแต่ต้องระวังในการทำความสะอาดมากกว่าส่วนอื่นๆ แต่ก็ไม่ควรทำบ่อยนัก ไม่จำเป็นต้องล้างทุกครั้งที่ล้างรถ รอให้สกปรกมากๆ ค่อยล้างก็ได้ แต่ถ้าใครเป็นคนรักความสะอาดก็ลองนำคำแนะนำไปใช้กันดูครับ

แหล่งที่มา: https://chobrod.com/tips-car-care/ล้างห้องเครื่องยนต์ดีไหม-มีอะไรบ้างที่ต้องระวัง-1685

เคล็ดลับการดูแลเบาะหนังให้ดูดีไปนานๆ

เพื่อความหรูหราสร้างความภูมิฐานในการเป็นเจ้าของรถสักคันหนึ่ง หลายคนเลือกรุ่นท็อปหรือรุ่นที่ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหนัง โดยเฉพาะเบาะนั่ง ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้และหนังเทียม ซึ่งนอกจากความหรูหรา หรือคลั่งไคล้ในกลิ่นหนังแล้ว หลายคนยังมองว่าเบาะหนังนั้นทำความสะอาดง่ายกว่าเบาะผ้ากำมะหยี่ทั่วไป

ตามหลักความจริงก็มีส่วน เพราะผ้ากำมะหยี่จะเป็นที่สะสมเศษฝุ่น เศษผง รวมถึงกลิ่นอับต่างๆ ถ้าดูแลรักษาไม่ดี การทำความสะอาดรอยเปื้อนก็ยุ่งยากเช็ดธรรมดาไม่ค่อยจะออกทิ้งรอยคาบไว้อีกต่างหาก แต่บรรดาพวกเบาะหนังนั้นถึงแม้จะมีข้อดีกว่า แต่การใช้งานก็ต้องระมัดระวัง รวมถึงต้องมีการดูแลรักษาเช่นกัน

เบาะหนังเทียม เป็นที่นิยมกันอย่างมาก เพราะรักษาง่ายกว่าวัสดุตัวอื่น ไม่เก็บความชื้น แต่ก็อมความร้อน  ผิวสัมผัสสบายไม่ลื่นมาก ความทนทานอาจจะน้อยกว่าวัสดุชนิดอื่น แต่การดูแลรักษานั้นไม่ยุ่งยาก อย่าพยายามให้โดนแดดบ่อย ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องจอดรถกลางแดด ให้หาที่บังแดดปิดกระจกบังลมหน้าไว้ พอช่วยได้บ้างดีกว่าปล่อยให้โดนแสงแดดโดยตรง จะทำให้มีความร้อนสะสมมากขึ้น ซึ่งก็เหมือนวัสดุชนิดอื่นๆ เมื่อโดนแดดบ่อยๆ มันก็เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว โดยหนังเทียมนั้นเมื่อโดนแดด หรือความร้อนสะสมสูงๆ จะแข็ง และเริ่มแตกเป็นลายการทำความสะอาดนั้น แนะนำให้ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วบิดพอหมาดๆ เช็ดแค่นั้นพอ บรรดาน้ำยาเคลือบเงาใช้ได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้บ่อยหรือถี่จนเกินไป จะทำให้หนังนั้นแข็งและแตกได้ ห้ามใช้สารตัวทำละลายพวก Solvent เช็ดรอยด่าง เป็นอันขาด

เบาะหนังแท้ เรียกได้ว่าเป็นวัสดุที่ดูหรูหรา ภูมิฐาน มีความคงทนสูงหากดูแลรักษาและใช้อย่างถูกวิธี ด้วยคุณสมบัติที่เก็บความชื้นได้ดีกว่าหนังเทียม จึงต้องพิถีพิถันในการดูแลรักษามาเป็นพิเศษ ระมัดระวังอย่าให้ถูกแสงแดดนานๆ เพราะจะทำให้ผิวหน้าของวัสดุหนังกรอบได้เร็วกว่าปกติ อันเนื่องมาจากรังสี UV พยายามอย่าโดนน้ำหรือความชื้น

เพราะหนังแท้มีคุณสมบัติซึมน้ำได้พอสมควรและที่สำคัญเมื่อหนังเกิดความชื้นขึ้นจะเป็นที่สะสมของเชื้อแบคทีเรีย และจะตามมาด้วยกลิ่นอับ ไม่ควรเช็ดเบาะด้วยน้ำยาเคลือบเบาะบ่อยนัก ควรใช้เท่าที่จำเป็น เพราะว่าเมื่อเราเช็ดไปแล้วนั้นน้ำยาต่างๆ ที่เราใช้เช็ดจะเข้าไปฝั่งอยู่ที่ผิวของเบาะหนัง เมื่อบรรดาสารดังกล่าวเสื่อมก็จะกลายเป็นสารที่มีความหนืดสูงซึ่งจะทำให้ตัววัสดุหนังแข็งขึ้นทำให้ต้องทาซ้ำใหม่เพื่อให้กลับมานิ่มเหมือนเดิม แต่ก็มีผู้นิยมรถหรูแนะนำกันไว้ให้ใช้ Vaseline ทาบางๆจ ะทำให้เบาะหนังไม่กรอบง่าย

ข้อแนะนำการทำความสะอาดทั้งเบาะหนังเทียม และเบาะหนังแท้นั้น ไม่ควรทำในขณะที่ตัวเบาะมีความร้อนสูง ไม่ควรใช้ผ้าที่มีผิวหยาบเช็ด ไม่ยากกับการดูแลวัสดุเบาะหนัง เพิ่มเงินจ่ายกันมาแพงแล้ว ก็ต้องดูแลรักษากันให้ดี

หากเบาะรถคุณมีปัญหา ให้อู่ซ่อมแนะนำจากเราช่วยซ่อมแซมให้ได้ เพียงเป็นเจ้าของประกันภัยชั้น 1 แบบสบายๆ กับ Roojai.com ประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ แบ่งชำระเบาๆ ดอกเบี้ย 0% 10 เดือน เริ่มคุ้มครองทันที การันตีถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที คลิกเช็คเบี้ย! และซื้อประกันชั้น 1 กับเรา เลยวันนี้

แหล่งที่มา: https://www.roojai.com/article/car-parts-and-car-accessories/tips-to-keep-leather-seat-good/

วิธีซ่อมกระจกรถยนต์ ที่ถูกหินดีดง่ายๆด้วยตัวเอง

เพื่อนๆหลายคนคงเคยประสบปัญหาในการถูกหินดีดเข้ากระจกหน้ากันบ่อยๆใช่ไหมครับ แน่นอนว่าหินเหล่านั้นมันมักจะทิ้งร่องรอยที่ทำร้ายจิตใจเราไว้เสมอ ซึ่งร่องรอยของมันก็มีตั้งแต่เล็กจิ๋ว ไปจนเท่าลูกปิงปองเลยก็มีครับ ซึ่งรอยแผลดังกล่าวก็จะติดตัวลูกรักของเพื่อนๆไปตลอด จนกว่าจะไปเสียเงินซ่อมมัน

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

1. แอลกอฮอล
2. มีดโกนรุ่นเก่า หรือ คัตเตอร์
3. สก๊อตเทปใส
4. กาวตราช้าง
5. กระดาษทรายขัดเหล็ก (กระดาษทรายน้ำ) เบอร์ 1000-1500
6. น้ำเปล่า
7. น้ำยาขัดสีรถยนต์ (คนละชนิดกับน้ำยาเคลือบสีนะครับ)
8. ถ้ามีเครื่องเป่าลมก็จะดีมากใช้ที่เป่าลมทำความสะอาดกล้องถ่ายรูปก็ได้ ถ้าไม่มีก็ต้องใช้ปากเป่าล่ะครับ

วิธีซ่อมกระจกรถยนต์ ที่ถูกหินดีด

1. ใช้เครื่องเป่าลมที่เตรียมไว้ เป่าเข้าไปในรอยแตกของกระจกที่เราต้องการซ่อมแซมครับ เพื่อไล่ฝุ่นละอองต่างๆออก หากใช้ปากเป่าให้เป่าแรงๆนะครับ

2. ใช้แอลกอฮอล์ เช็ดลงบริเวณที่เป็นรอยแตก เพื่อล้างคราบไขต่างๆ

3. ใช้สก๊อตเทปใสที่เตรียมไว้ แปะรอบๆรูที่จะทำการซ่อมแซม

4. นำกาวตราช้าง มาหยอดลงไปในรู โดยหยอดให้มันล้นออกมาจากรูเล็กน้อย ถ้าดูด้านข้างจะเห็นว่ามันนูนๆ จากนั้นรอให้แห้ง โดยห้ามยุ่งกะมันเด็ดขาดนะครับ

5. ใช้มีดโกน ปาดกาวตราช้างส่วนที่มันแข็งๆเกินๆ ออกไปให้เรียบเสมอกระจก

6. ใช้กระดาษทรายเบอร์ 1000 จุ่มน้ำ แล้วขัดเบริเวณรอบๆรู เบาๆ อย่าให้เลย เขตเส้นของเทป ตามด้วยเบอร์ 1500 ตอนขัดนี่ขอให้ปราณีตที่สุด ค่อยๆ เบาๆ ไม่งั้นกระจกส่วนอื่นอาจจะเป็นรอยได้ จากนั้นลอกเทปใสออก

7. นำยาขัดสี มาขัดบริเวณนั้น ควรขัดให้เนื้อกระจกดูเรียบเท่ากันกับเนื้อเดิม ยาขัดสีจะมีคุณสมบัติเหมือนกระดาษทรายเบอร์ 2000 แต่ในกรณีที่ไม่มีทั้งกระดาษทราย และยาขัดสี ก็ไม่ต้องขัดเลยครับ ถ้าหยอดกาวดีๆ แทบไม่ต้องขูดกาวออกด้วยซ้ำ

7 ขั้นตอนง่ายๆแค่นี้ หากทำอย่างถูกวิธี ล่องรอยที่เคยทำร้ายจิตใจเพื่อนๆก็แทบจะมองไม่เห็นอีกเลย จะให้ดียิ่งขึ้นก็ซื้อน้ำยาประเภท clear view มาเคลือบกระจกอีกหนึ่งครั้ง ส่วนเรื่องที่ว่ากาวจะอยู่นานขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับการซ่อมและการใช้งานครับ โดยอายุของกาวมีตั้งแต่ 1 อาทิตย์ ไปจนถึงครึ่งปี

แหล่งที่มา: https://www.thaicarlover.com/วิธีซ่อมกระจกรถยนต์/46587

ดูดวงเวลาที่เป็นมงคลสำหรับการออกรถ

ดูดวงการพิจารณาหาวันที่ดีและเหมาะสมนั้น(วันมงคล) ก็คือ ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันกาลกิณีกับวันเกิดของเจ้าของรถอย่างเด็ดขาด ซึ่งมีหลักพิจารณา ดังนี้

ดูดวงคนเกิดวันอาทิตย์

  • ห้ามใช้ฤกษ์วันศุกร์ ต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ควรหลีกเลี่ยง

ดูดวงคนเกิดวันจันทร์

  • ห้ามใช้ฤกษ์วันอาทิตย์ ต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ควรหลีกเลี่ยง

ดูดวงคนเกิดวันอังคาร

  • ห้ามใช้ฤกษ์วันจันทร์ ต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ควรหลีกเลี่ยง

ดูดวงคนเกิดวันพุธ(กลางวัน)

  • ห้ามใช้ฤกษ์วันอังคาร ต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ควรหลีกเลี่ยง

ดูดวงคนเกิดวันพุธ(กลางคืน)

  • ห้ามใช้ฤกษ์วันเสาร์ ต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ควรหลีกเลี่ยง

ดูดวงคนเกิดวันพฤหัสบดี

  • ห้ามใช้ฤกษ์วันเสาร์ ต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ควรหลีกเลี่ยง

ดูดวงคนเกิดวันศุกร์

  • ห้ามใช้ฤกษ์วันพุธ(กลางคืน) ต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ควรหลีกเลี่ยง

ดูดวงคนเกิดวันเสาร์

  • ห้ามใช้ฤกษ์วันพุธ(กลางวัน) ต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ควรหลีกเลี่ยง

ดูดวงเวลาที่เป็นมงคลในแต่ละวัน เวลาที่ควนนำรถออกจากอู่หรือเต้นซ์ ในแต่ละวันมีดังนี้

ดูดวงวันอาทิตย์ ควรนำรถออกเวลา 06.09-08.39 น. (ฤกษ์ดีมาก) และอีกช่วงหนึ่งเวลา 13.39-15.09 น. (ให้โชคลาภ)

ดูดวงวันจันทร์ ควรนำรถออกเวลา 09.19-10.05 น. (ฤกษ์ดี) และอีกช่วงหนึ่งเวลา 16.19-17.59 น. (ให้ลาภและมีเสน่ห์)

ดูดวงวันอังคาร ควรนำรถออกเวลา 11.09-12.59 น. (ฤกษ์ใช้ได้) และอีกช่วงหนึ่งเวลา 06.39-08-29 น. (ช่วงเวลานี้พอใช้ได้)

ดูดวงวันพุธ ควรนำรถออกเวลา 08.49-10.59 น. (ฤกษ์ปานกลาง) และอีกช่วงหนึ่งเวลา 13.09-15.29 น. (มีโอกาสได้ลาภ)

ดูดวงวันพฤหัสบดี ควรนำรถออกเวลา 10.39-11.09 น. (มีโชคลาภ) และอีกช่วงหนึ่งเวลา 17.09-17.59 น. (ฤกษ์ปลอดภัย)

ดูดวงวันศุกร์ ควรนำรถออกเวลา 06.39-08.59 น. (ฤกษ์ดีมาก) และอีกช่วงหนึ่งเวลา 13.39-14.59 น. (ให้โชคลาภ)

ดูดวงวันเสาร์ ตามหลกโหราศาสตร์ ถือเป็นวันดุ หรือวันแรงโบราณ ท่านว่าห้ามนำรถ หรือยานพาหนะออกจากเต้นท์ หรือจากอู่อย่างเด็ดขาด ควรหลีกเลี่ยง

แหล่งที่มา: ยอดทิพย์.คอม ขอบคุณภาพประกอบ : Getty Images

เจิมรถใหม่ ให้สิริมงคล ต้องมีอะไรบ้าง!!

เตรียมของเจิมรถ

ออกรถใหม่แบบไทยๆ แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องไปเจิมรถเพื่อความสิริมงคลกันก่อนเป็นอันดับแรก แต่ของที่ใช้สำหรับพิธีเจิมรถนั้นมีอะไรบ้าง ต้องใช้อะไรถึงจะช่วยเสริมสิริมงคล วันนี้มาเตรียมความพร้อมก่อนการเจิมรถกันครับ ซึ่งของที่เราต้องเตรียมมีดังต่อไปนี้….

ของที่ต้องเตรียมใช้สำหรับพิธี เจิมรถใหม่

1.เน้นของเป็นคู่ เช่น ธูป 5 คู่ เทียน 5 คู่ วางบนพานพิธี หากไม่มีพานสามารถใช้ถาดกลมหรือจานขนาดใหญ่แทนได้

2.วางพวงมาลัยดอกไม้ 1 พวงบนพานทำพิธีที่มีธูป 5 คู่ เทียน 5 คู่

3.น้ำอบและแป้งดินสอพอง สิ่งสำคัญที่ใช้เจิมรถในส่วนต่างๆ

4.แผ่นทองคำเปลว เพื่อเสริมความเจริญรุ่งเรือง พานพบแต่สิ่งดีๆ

5.ซองปัจจัยสำหรับถวายพระผู้ทำพิธี อันนี้แล้วแต่จิตศรัทธา ไม่มีการกำหนดปัจจัย ถือเป็นการเริ่มต้นทำสิ่งดีๆ

6.เพิ่มเติมในส่วนของชุดถวายสังฆทาน บางคนเจิมรถเสร็จแล้วอาจจะอยากทำบุญต่อ เตรียมดอกไม้ธูปเทียนไปสำหรับส่วนนี้ด้วย

แหล่งที่มา: https://www.kmotors.co.th/

ไหว้แม่ย่านางรถอย่างถูกวิธี ทำอย่างไร เตรียมของไหว้อะไรบ้าง

การไหว้แม่ย่านางรถ เป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับคนไทยมาเป็นเวลานาน โดยเชื่อกันว่าแม่ย่านางเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องคุ้มครองยานพาหนะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถไฟ เรือ หรือเครื่องบิน ให้เดินทางได้อย่างแคล้วคลาดปลอดภัย หรือเสริมโชคลาภ สิริมงคล ให้แก่เจ้าของรถ วันนี้ masii จึงมีวิธีไหว้แม่ย่านางรถมาฝากกัน ไปดูกันสิว่า ไหว้แม่ย่านางรถ ทำอย่างไร และจะมีบทไหว้ ของไหว้ หรือฤกษ์ไหว้แม่ย่านางรถวันใดบ้าง

ไหว้แม่ย่านางรถอย่างถูกวิธี ทำอย่างไร เตรียมของไหว้อะไรบ้าง อย่างที่มาสิกล่าวไปข้างต้นว่า คนไทยส่วนใหญ่มีความเชื่อเกี่ยวกับการไหว้แม่ย่านางรถ เพราะเชื่อว่าช่วยให้เดินทางอย่างปลอดภัย ราบรื่น รวมถึงยังช่วยเสริมโชคลาภ และความเป็นสิริมงคลให้แก่เจ้าของรถ ดังนั้นในแต่ละปีก็จะมีการไหว้แม่ย่านางรถอยู่เป็นประจำ ซึ่งมีวิธีไหว้แม่ย่านางรถ และ การเตรียมของไหว้แม่ย่านางรถ ดังนี้

วิธีไหว้แม่ย่านางรถ ทำวันไหน เวลาใด

คนส่วนใหญ่นิยมไหว้แม่ย่านางรถในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันพญาวัน หรือ วันที่ 15 เมษายน ซึ่งนับเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยตามโบราณ หรือบางคนอาจนิยมไปไหว้แม่ย่านางรถในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่หากไม่สะดวกวันดังกล่าว ก็ถือฤกษ์ตามสะดวก  โดยรถยนต์ รถจักรยานยนต์ นิยมไหว้แม่ย่านางรถกันปีละครั้ง แต่หากเป็นรถใหญ่ หรือผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถ เช่น รถตู้ รถทัวร์ รถบรรทุก หรือรถสิบล้อ ควรไหว้ปีละ 2 ครั้ง โดยเวลาไหว้แม่ย่านางรถ มักเป็นช่วงเช้า เวลาประมาณ 07.09 น. เป็นต้นไป แต่ไม่เกิน 10.09 น.

ของไหว้แม่ย่านางรถ ต้องใช้อะไรบ้าง

  • ธูป 9 ดอก
  • ข้าวสวย 1 ถ้วย
  • น้ำเปล่า 1 แก้ว (ขวดใหม่)
  • หมากและพลู และยาเส้นสีฟัน 3 คำ
  • ยาสูบ 3 มวน
  • ผลไม้ไหว้แม่ย่านางรถ หรือ ผลไม้มงคล 5 อย่าง

ผลไม้ไหว้แม่ย่านางรถ มีอะไรบ้าง

ผลไม้ที่ไหว้แม่ย่านางรถ หรือ ผลไม้มงคล โดยผลไม้แต่ละชนิดมีความหมายที่ดีซ่อนอยู่ ดังนี้

  • กล้วยน้ำว้าสุก 2 หวี : สัญลักษณ์แห่งความเป็นมงคล
  • สับปะรด : เรียกโชคลาภ เงินทอง
  • แก้วมังกร : ความอุดมสมบูรณ์ ร่ำรวย
  • ทับทิม : ความสามัคคี ครอบครัวอบอุ่น ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน
  • แอปเปิลแดง : สุขภาพแข็งแรง ปัดป่าโรคภัยไข้เจ็บ

หรือหากไม่มีผลไม้ดังกล่าว อาจเลือกเป็นผลไม้มงคลอื่นๆ เช่น ส้ม สาลี่ ชมพู่ องุ่น มะพร้าว เป็นต้น

คำถวายของไหว้แม่ย่านางรถ

หลังจากจัดวางของไหว้แม่ย่านางรถที่หน้ารถยนต์เรียบร้อยแล้ว ให้ไปสตาร์ทรถ พร้อมบีบแตร 3 ครั้ง จากนั้นจุดธูป 9 ดอก และกล่าวคำถวายของไหว้แม่ย่านางรถ ดังนี้

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ)

สุทินนัง วัตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุ

ทุติยัมปิ สุทินนัง วัตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุ

ตะติยัม สุทินนัง วัตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุ

ลูกขอถวายสิ่งของเหล่านี้แก่แม่ย่านางรถ ขอท่านจงรับซึ่งสิ่งของเหล่านี้ เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่ลูกทั้งหลายเทอญ สาธุ

เมื่อกล่าวคำถวายของไหว้แม่ย่านางรถจบแล้ว ให้ตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ขับขี่ปลอดภัย แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง ขอให้คนที่นั่งรถมีแต่ความสุข ความเจริญ มีโชคลาภ มีเงินทองไหลมาเทมา จากนั้นรอประมาณ 20-30 นาที หรือรอให้ธูปหมดแล้วจึงกล่าวคำลาของไหว้แม่ย่านางรถ

คำลาของไหว้แม่ย่านางรถ

หลังจากธูปหมดดอกแล้ว ให้กล่าวคำลาของไหว้เพื่อนำของไหว้มาทานเป็นสิริมงคล โดยมีคำกล่าวดังนี้

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ  (3 จบ)

พุทธังลา ธัมมังลา สังฆังลา ข้าพเจ้าขอลาสิ่งของเหล่านี้ เพื่อให้เป็นทานต่อไป และเพื่อเป็นยารักษาโรค อย่าให้เกิดโทษใดๆ เลย

นะ เสสัง มังคะลา ยาจามะ

หลังจากกล่าวคำลาของไหว้แม่ย่านางรถแล้ว ก็เป็นอันเสร็จพิธี และนิยมนำของไหว้ไปรับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคล

และนี่ก็คือ วิธีไหว้แม่ย่านางรถ ที่มาสินำมาฝากกัน หากใครที่ต้องการไหว้แม่ย่านางรถ บูชาแม่ย่านางรถ ก็สามารถทำตามวิธีที่เรานำมาฝากกันได้ แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมขับรถอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ และเพื่อความอุ่นใจ เพื่อนๆ สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับเว็บไซต์มาสิได้เลยค่ะ

แหล่งที่มา: https://masii.co.th

“รู้หรือไม่? ไส้กรอง ในรถยนต์มีอยู่กี่ประเภท อยู่ตรงไหน แล้วมีหน้าที่อะไรบ้าง”

คนใช้รถมักจะได้ยินเรื่องของการเปลี่ยน ไส้กรอง ตามระยะ เดี๋ยวเปลี่ยนไส้กรองนั้น เดี๋ยวเปลี่ยนไส้กรองนี้ งั้นเรามารู้กันไปเลยดีกว่าว่าในรถยนต์ นั้นมีไส้กรองอยู่กี่ชนิดกันแน่

ไส้กรอง Filter ในรถยนต์ มีอยู่ 5 ชนิด

1. ไส้กรองน้ำมันเครื่อง (Oil Filter)

ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ทำหน้าที่หลักเป็นตัวกรองและดักจับเศษชิ้นส่วนที่เกิดจากการเสียดสีของเครื่องยนต์ และสิ่งสกปรกย้อนกลับเข้าสู่ตัวเครื่องยนต์ ซึ่งจะส่งผลให้เกินความเสียหายตามมา ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรือตามระยะเปลี่ยนถ่ายที่เหมาะสมเพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ซึ่งโดยปกติไส้กรองจะอยู่ติดกับตัวเครื่องยนต์ แต่จะอยู่ตำแหน่งไหนขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถ ทางที่ดีควรให้ช่างผู้ทำงานเปลี่ยนจะดีกว่า

2. ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Filter)

ไส้กรอง เชื้อเพลิงจะมีหน้าที่ในการดักจับสิ่งสกปรกและสิ่งปลอมปนที่มากับน้ำมัน การหมั่นตรวจสอบสภาพไส้กรองเชื้อเพลิงจะช่วยรักษาสมรรถนะและประสิทธิกาพของเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพดีพร้อมเสมอ ดังนั้นหากทิ้งไว้นานจนไส้กรองน้ำมันเครื่องอุดตัน เครื่องยนต์จะมีอาการสะดุดกำลังตก เร่งไม่ขึ้น เนื่องจากแรงดันตก ส่งผลให้การจ่ายน้ำมันไม่สม่ำเสมอ เชื้อเพลิงจึงถูกส่งไปยังเครี่องยนต์ ได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น FIT Auto แนะนำ ควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงเชื่อเพลิงอย่างน้อยปีละครั้ง

3. ไส้กรองน้ำมันเกียร์ (Gearbox Oil Filter)

ไส้กรองน้ำมันเกียร์ทำหน้าที่คล้ายๆ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ช่วยกรองสิ่งสกปกในน้ำมันเกียร์ แต่โดยปกติน้ำมันเกียร์แทบจะไม่โดนสิ่งสกปรกอยู่แล้ว ดังนั้นควรมีการตรวจเช็คสภาพไส้กรองน้ำมันเกียธ์ควบคู่ไปกับน้ำมันเกียร์ตามระยะอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้งานของเกียร์อัตโนมัตินั้นแผ่นผ้าคลัทจะสึกหรอ ปะปนไปกับสิ่งสกปรกในน้ำมันเกียร์ จะก่อให้เกิดการอุดตันและส่งผลเสียต่อระบบเกียร์ได้

4. ไส้กรองอากาศ (Air Filter)

ไส้กรองอากาศช่วยกรองอากาศก่อนเข้าสู่กระบวนการสันดาปของเครื่องยนต์ จะอยู่ในห้องเครื่อง วิธีเปลี่ยนไม่ยากแค่ปลดสลักกล่องไส้กรอง แล้วดึงไส้กรองออกมาก็สามารถเปลี่ยนเองได้เลย ส่วนวิธีการสังเกตเมื่อไส้กรองสกปรกก็มีง่ายๆ ดังนี้

  • เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น
  • เครื่องยนต์สั่น
  • ซดน้ำมันมากกว่าปกติ
  • มีควันดำจากท่อไอเสีย

5. ไส้กรองแอร์ (Cabin Air Filter)

ไส้กรองแอร์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่สำคัญ เนื่องจาก จะส่งผลต่อสุขภาพของผู้ขับขี่และผู้โดยสารโดยตรง ทั้งนี้ไส้กรองแอร์จะช่วยดักจับฝุ่นละออง เชื้อโรคต่างๆ ในอากาศที่เข้ามาจับสะสมอยู่ที่คอยล์เย็น หากมีการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรคเป็นเวลานาน นอกจากจะเป็นแหล่งพาหะของเชื้ออโรคชนิดต่างๆแล้ว ยังสามารถก่อให้เกิดการกัดกร่อนที่แผงคอยล์เย็นจนทำให้เกิดรูรั่วได้ ซึ่งจะเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นจากแอร์ แอร์ไม่เย็น

ถึง ไส้กรอง บางประเภทจะเปลี่ยนเองได้ไม่ยาก แต่อย่าลืมว่าการเอารถเข้าเช็คระยะอยู่เสมอ ช่างจะช่วยเช็คความสมบูรณ์ส่วนอื่นๆ ของรถไปด้วย ดงันั้น FIT Auto แนะนำให้เข้าตรวจเช็คไส้กรองตามระยะดังนี้

แหล่งที่มา: https://auto.mthai.com/

ถอยรถใหม่ต้องรู้กฎการใช้ป้ายแดง 4 ข้อ

เปิด 4 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้รถป้ายแดง และวิธีในการสังเกตป้ายแดงปลอม

กฎเหล็กรถป้ายแดงมีอะไรบ้าง?

1.รถใหม่ใช้ป้ายแดงได้ 30 วัน

สำหรับใครที่ถอยรถป้ายแดงมาใหม่เอี่ยม สิ่งที่คุณควรรู้คือ รถป้ายแดงของคุณมีระยะเวลาการใช้งานได้เพียง 30 วันเท่านั้น ตามระยะเวลาในการรอป้าย ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน หากคุณมีพฤติกรรมใช้รถป้ายแดงเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จะมีความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีและยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจร (พรบ.) ที่กำหนดไว้ว่า ให้รถใหม่สามารถใส่ป้ายทะเบียนสีแดงได้เพียง 30 วันเท่านั้น และมีโทษปรับจากการใช้ป้ายแดงเกินระยะเวลาที่กำหนด อยู่ที่ 10,000 บาท

2.ลงบันทึกการใช้รถในสมุดคู่มือทุกครั้ง

สำหรับคนที่ออกรถใหม่ป้ายแดง จะได้รับสมุดบันทึกหรือคู่มือทะเบียนรถยนต์ มาด้วย ซึ่งคู่มือเล่มนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากกฎหมายจราจรมาตรา 28 (ในการขับรถยนต์มาตรา 27) ระบุไว้ว่า ผู้ขับขี่จะต้องบันทึกรายการการใช้รถลงในสมุดคู่มือเสมอ ข้อมูลดังกล่าวได้แก่ ชื่อรถ หมายเลขตัวรถ หมายเลขเครื่องยนต์ของรถ / ความประสงค์ในการขับรถยนต์ / วันเดือนปี และควรระบุระยะเวลาที่นำรถออกไปใช้ จนถึงระยะเวลาที่รถถึงจุดหมายปลายทาง / ชื่อ – นามสกุลผู้ขับ

ในกรณีที่ทำสมุดคู่มือรถยนต์หาย สามารถดำเนินการขอใหม่ได้ที่กรมขนส่ง ส่วนใครที่มีรถใหม่และมักจะลืมลงบันทึกการใช้งานรถ วันไหนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกสอบจะมีความความผิดฐานไม่ลงบันทึกการใช้รถและมีโทษปรับเป็นเงินไม่เกิน 1,000 บาท

3.ใช้รถป้ายแดงตอนกลางคืนไม่ได้

กฎหมายจราจรได้มีการระบุไว้ว่า รถป้ายแดงสามารถใช้งานได้ในช่วงระยะเวลา ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น – พระอาทิตย์ตก (06.00-18.00 น.) เท่านั้น แต่เนื่องจากจราจรที่ติดขัดอย่างมากในปัจจุบันทำให้มีการขยายเวลาไปจนถึง 20.00 น.

4. ค่าเบี้ย พ.ร.บ. เริ่มต้นหลักร้อย

หากคุณเพิ่งออกรถใหม่และยังไม่ได้ทำการเปลี่ยนป้ายทะเบียน หรือยังรอป้ายทะเบียนใหม่จากกรมขนส่งอยู่ การขับรถข้ามเขต หรือการขับรถออกนอกจังหวัด ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายได้ระบุไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า รถป้ายแดงสามารถใช้งานได้ภายในเขตจังหวัดที่ระบุอยู่บนป้ายทะเบียนเท่านั้น เช่น ป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ ก็สามารถใช้งานได้แค่ภายในจังหวัดกรุงเทพฯเท่านั้น หากคุณมีความจำเป็นต้องใช้รถนอกเขต ก็คุณจะต้องได้รับการอนุญาตจากนายทะเบียน และมีหลักฐานเป็นเอกสารพร้อมลายเซ็นของนายทะเบียน รวมถึงต้องลงบันทึกการใช้รถยนต์ในคู่มือรถยนต์อย่างละเอียด จึงจะสามารถขับรถออกนอกเขตที่จดทะเบียนได้ ในกรณีที่ คุณลืมทำเรื่องขอใช้รถยนต์นอกเขตจดทะเบียน และไม่ใส่ใจลงบันทึกการใช้รถอย่างละเอียด หากโชคร้ายไปเจอด่านตรวจแล้วไม่มีเอกสารดังกล่าวแสดงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมีโทษปรับสูงสุดถึง  10,000 บาท

วิธีสังเกตป้ายแดงปลอม

สำหรับมือใหม่บางท่านอาจจะมีข้อสงสัยว่าป้ายแดงปลอมนั้นดูอย่างไร ถ้าเป็นของแท้ท่านต้องเสียเงินค่ามัดจำป้าย 3,000 บาท หากเป็นของปลอมไม่ควรถูกเรียกเก็บเงินส่วนนี้ สำหรับป้ายแดงของแท้ต้องมีตรา ขส ตรงมุมล่างขวา พร้อมกับสมุดคลุมป้ายแดงที่เป็นการบอกว่าเป็นป้ายที่กรมการขนส่งทางบกออกให้กับศูนย์รถต่างๆ เพื่อใช้ชั่วคราวระหว่างรอป้ายขาว

สำหรับสีแดงของป้ายแดงปลอมจะไม่มีเกล็ดสะท้อนแสงหรือไม่บางทีอาจสีซีดไม่แดงสด ส่วนความหนาของป้ายก็สังเกตได้จากป้ายแดงปลอมจะบางมากๆ อย่างเห็นได้ชัด

แหล่งที่มา: www.pptvhd36.com/

12 เรื่องที่คนใช้รถต้องรู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.

ไม่ว่าคุณจะขับรถมอเตอร์ไซค์ หรือขับรถยนต์ เราจะต้องมีประกันภัยภาคบังคับ พ.ร.บ. หรือที่มีชื่อเต็มยาว ๆ ว่า ประกันภัยรถตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นกฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำเป็นประจำทุกปี หลังจากวันที่ 1 เมษายน 2563 สมาคมประกันวินาศภัยไทยร่วมกับสำนักงาน คปภ. ปรับเพิ่มความคุ้มครองประกันภัย พ.ร.บ. เพิ่มวงเงินคุ้มครองสูงสุดกรณีเสียชีวิตจาก 300,000 บาทเป็น 500,000 บาท

“พ.ร.บ. เป็นประกันภัยภาคบังคับที่กฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องมีไว้
คุ้มครองต่อความสูญเสียของชีวิต ร่างกายและผู้ประสบภัยจากรถ”

อาจจะเกิดความสงสัยว่า เราต่อ พ.ร.บ. ทุก ๆ ปีมีอะไรที่เราต้องรู้บ้างนะ ? กับ 12 เรื่องที่คนใช้รถต้องรู้เกี่ยวกับพ.ร.บ. รถเอาไว้ และเพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาทำความเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับพ.ร.บ.รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่น้องสมหวัง สรุปไว้ได้เลยครับผม

1. ต้องต่อพ.ร.บ. ทุกปีห้ามขาด!!

พ.ร.บ. รถยนต์ และพ.ร.บ.จักรยานยนต์เป็นประกันภาคบังคับมีอายุ 1 ปี ซึ่งเราจะต้องต่อทุกปีมิให้ขาด เนื่องจากจะไม่ได้รับความคุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นครับ ในเอกสารพ.ร.บ. จะระบุข้อมูล “ระยะเวลาเอาประกันภัย” เอาไว้ชัดเจนครับ

2. ไม่ต่อพ.ร.บ. เราจะต่อภาษีรถไม่ได้

เนื่องจาก พ.ร.บ. เป็นเอกสารสำคัญในการต่อภาษีรถยนต์และภาษีรถมอเตอร์ไซค์ เราจะต้องต่อพ.ร.บ. ก่อนต่อภาษี ดังนั้น ถ้าเราไม่ต่อพ.ร.บ.ให้เสร็จสรรพก็จะไม่สามารถต่อภาษีได้นั้นเอง !!

  • หากรถยนต์หรือมอไซค์ที่ไม่ได้เสียภาษีตามเวลาที่กำหนด จะต้องจ่ายค่าปรับเดือนละ 1% พร้อมกับชำระภาษีย้อนหลังด้วยนะจ้ะ
  • กรณีขาดต่อภาษีรถนานเกิน 3 ปี รถของเราจะถูกระงับป้ายทะเบียน กลายเป็นรถเถื่อนที่อาจจะถูกจับปรับดำเนินคดีตามกฎหมายนะครับ

3. พ.ร.บ. ขาดต่อ อาจถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับปรับ

ถ้าเราลืมต่อพ.ร.บ. แต่หากนำรถยนต์หรือรถมอไซค์แบบไม่มี พ.ร.บ. มาขับขี่บนท้องถนน เมื่อถูกตรวจจะอาจจะถูกลงโทษตามกฎหมาย เสียค่าปรับไม่เกิน 10,000 บาทล่ะครับ ดังนั้น จะให้ดีอย่าปล่อยให้รถของเราขาดต่อพ.ร.บ. เด็ดขาดนะครับ

4. ค่าเบี้ย พ.ร.บ. เริ่มต้นหลักร้อย

เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจเกี่ยวกับพ.ร.บ. การเตรียมเงินก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่เราต้องรู้ไว้เบื้องต้น และน้องสมหวังก็เตรียมไว้ให้แล้วครับผม ทั้งนี้ น้องสมหวังขออ้างอิงข้อมูล อัตราเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) 

5. พ.ร.บ.คุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุรถชนรถ

กรณีบาดเจ็บจากรถชนหรืออุบัติเหตุ พ.ร.บ.จะเทคแคร์ทันที!! ให้สอบถามแจ้งสิทธิกับโรงพยาบาลครับ พร้อมกับแจ้งเหตุที่เกิดขึ้น เตรียมเอกสารพ.ร.บ. และบัตรประชาชนของคนเจ็บใช้ยื่นประกอบด้วย โดยความคุ้มครองพ.ร.บ.จะจ่ายตามจริง ! ไม่เกินวงเงินที่กำหนดไว้

กรณีเกิดอุบัติเหตุและสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อนหน้านี้ เราสามารถเคลมย้อนหลังได้ภายใน 180 วัน ต้องใช้เอกสาร ดังนี้

  • เอกสารค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาล หรือใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล และอย่าลืมใบรับรองแพทย์
  • เอกสารหน้าตาราง พ.ร.บ. ใช้ยื่นเคลมค่ารักษาย้อนหลัง
  • เอกสารอื่น ๆ กรณีบริษัทร้องขอเพิ่มเติม เช่น บันทึกประจำวันจากตำรวจ, สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาใบขับขี่, สำเนาทะเบียนรถ (ถ้ามี)

สามารถประสานงานส่งเอกสารกับบริษัท ประกันภัยที่เราซื้อ พ.ร.บ. เพื่อขอเบิกค่ารักษาพยาบาล ในเงื่อนไขดังกล่าว เราพูดถึงรายละเอียดการเคลมกรณีบาดเจ็บผู้ป่วยนอก (OPD) นะครับ 

6. เคลมรักษาได้ทันทีแบบไม่ต้องสำรองจ่าย*

การใช้สิทธิขอรับค่าเสียหายเบื้องต้น เราสามารถเบิกได้ที่โรงพยาบาล โดยเคลมค่ารักษาพยาบาลได้ภายในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาททุกกรณี (จ่ายค่ารักษาตามจริง) แต่ต้องเตรียมเอกสารให้ครบก่อนเคลมนะ

7. จะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็เคลมพ.ร.บ.ได้

เพราะ พ.ร.บ.ให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งจะดูแลค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถทั้งฝ่ายถูกและฝ่ายผิด โดยไม่รอการพิสูจน์ความรับผิด

  • กรณีบาดเจ็บ พ.ร.บ. จะจ่ายค่ารักษาพยาบาล ตามจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน
  • กรณีสูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพอย่างถาวร พ.ร.บ. คุ้มครองค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวน 35,000 บาทต่อคน
  • กรณีเสียชีวิต คุ้มครองจ่ายค่าปลงศพ  ตามจำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น 35,000 บาทต่อคน

หากเกิดความเสียหาย หลายกรณีรวมกัน จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นรวมกันแล้วไม่เกิน 65,000 บาทต่อหนึ่งคนครับ

หลังจากพิสูจน์ถูกผิดแล้ว กรณีเป็นฝ่ายถูกจะได้รับส่วนค่าสินไหมทดแทน (ส่วนเกินค่าเสียหายเบื้องต้น) เพิ่มเติม โดยมีความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ดังนี้

  • กรณีบาดเจ็บ พ.ร.บ. จะคุ้มครองค่ารักษาตามจริง ไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน
  • กรณีสูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพอย่างถาวร 200,000 – 500,000 บาทต่อคน (กรณีสูญเสียอวัยวะเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ) ซึ่งจะมีข้อมูลแตกต่างกันนะครับ
  • กรณี เสียชีวิต ค่าสินไหมทดแทน 500,000 บาทต่อคน

8. เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีก็เคลมค่ารักษาพยาบาลกับพ.ร.บ.ได้

รู้ไหมว่า พ.ร.บ. เช่น รถล้มเอง ชนเสาไฟฟ้า ลื่นไถล อุบัติเหตุที่เกิดบนท้องถนนสามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลกับพ.ร.บ.ได้ครับ โดยขั้นตอนการเคลมก็เหมือนกันกับขั้นตอนที่เราเล่ามาข้างต้นเลยล่ะ

9. พ.ร.บ. ไม่ใช่ป้ายวงกลม แต่เป็นเอกสาร

อาจจะมีสับสนอยู่บ้างระหว่าง พ.ร.บ. และป้ายภาษี (ป้ายวงกลม ป้ายสีเหลี่ยม ฯลฯ) น้องสมหวังต้องบอกว่าเอกสารพ.ร.บ. นั้นจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นกระดาษขนาด A4 ครับผม ไม่ใช่ป้ายวงกลมที่ติดบนกระจกรถยนต์ หรือที่ติดบนรถมอเตอร์ไซค์นะครับ นั่นเรียกป้ายภาษี อย่าจำสลับกันนะจ้ะ

10. จะให้สะดวกต้องทำพ.ร.บ. บริษัทฯ เดียวกับประกันภัยรถ

พูดถึงคนขับรถยนต์ หรือคนขับมอเตอร์ไซค์ที่ซื้อประกันภัยภาคสมัครใจเพิ่มเติม ถ้าต้องการทำพ.ร.บ. ใช้ต่อภาษีรถจะให้ดี เราควรจะซื้อพ.ร.บ. บริษัทเดียวกับประกันภัยรถยนต์ เพื่อให้ง่ายต่อการเคลมหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นจะได้ประสานงานเคลมทีเดียว จะได้ไม่ต้องยุ่งยากแจ้งเคลมหลายรอบนั้นเอง ยื่นเอกสารเพียงรอบเดียวก็เพียงพอครับ

11. เราสามารถต่อพ.ร.บ. ล่วงหน้าได้

ถ้าเรากลัวว่าจะขาดต่อพ.ร.บ. เพราะไม่มีเวลา หรือกลัวลืม!! เราสามารถต่อล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน หรือ ภายใน 90 วันครับผม สะดวกสบายสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะ ดังนั้น ใครที่ยุ่ง ๆ งานรัดตัวตลอดเวลาก็ต่อไว้ล่วงหน้าสบายใจกว่าเยอะ

12. พ.ร.บ. ไม่คุ้มครองค่าซ่อมรถ

ถึงจะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่ พ.ร.บ. เนี้ยะไม่คุ้มครองค่าซ่อมรถ หรือค่าเสียหายอื่น ๆ ที่เกิดจากอุบัติเหตุรถชนรถ หรือรถชนคนนะครับผม

  • ประกันรถจักรยานยนต์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นประกันจะช่วยดูแล

เป็นไงบ้างครับ ? ทำรู้จัก พ.ร.บ. มากขึ้นแล้วว่าจ่ายทุกปีคุ้มครองอะไรบ้าง ดังนั้น อย่าลืมต่อพ.ร.บ. รถด้วยนะคะ

แหล่งที่มา:oic.or.th rvp.co.th

วิธีขับรถเกียร์ออโต้ เกียร์ D1 D2 และ L คืออะไร มีไว้ใช้ตอนไหน

ปัจจุบันนี้ รถยนต์ ส่วนใหญ่ตามท้องถนนล้วนเป็นรถเกียร์ออโต้ หรือรถเกียร์อัตโนมัติ แทบจะทั้งหมด ด้วยการใช้งานที่ง่าย สะดวกสบาย เพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่ให้มากกว่าเดิม จะมือใหม่หัดขับหรือมือเก่าก็ขับได้ ไม่ยุ่งยากเหมือนรถเกียร์ธรรมดาที่ต้องคอยเหยียบคลัตช์ ใช้เพียงแค่เท้าขวาข้างเดียวคอยควบคุมคันเร่งและเบรกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารถยนต์เกียร์ออโต้นั้นจะถือได้ว่าออกแบบมาให้สามารถขับขี่ได้ง่าย แต่การใช้งานโดยเฉพาะการควบคุมและเลือกใช้เกียร์ให้เหมาะสมถูกต้องก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ผู้ขับขี่ไม่ว่าจะเป็นมือเก๋า หรือผู้ที่หัดขับรถเกียร์ออโต้ ก็ควรต้องศึกษาให้เข้าใจว่า เกียร์ต่าง ๆ ใช้สำหรับทำอะไร

การใช้งานเกียร์อัตโนมัติ

รถเกียร์ออโต้ หรือเกียร์อัตโนมัติ จะมีตำแหน่งเกียร์ที่สำคัญอยู่ 4 ตำแหน่งด้วยกัน ได้แก่ ตำแหน่ง P, R, N และ D ซึ่งในแต่ละตำแหน่งนั้นจะมีหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ในรถเกียร์ออโต้บางรุ่น เราอาจพบเจอกับตำแหน่ง D1, D2, 2 และ L ด้วยเช่นกัน เรามาดูหน้าที่ของเกียร์แต่ละตำแหน่งกันว่ามีหน้าที่อะไรบ้าง

  • ตำแหน่งเกียร์ P – Park ใช้สำหรับการจอดรถอยู่กับที่หรือจอดรถในบริเวณที่มีพื้นที่ลาดเอียง จะไม่สามารถเข็นหรือขยับรถได้ 
  • ตำแหน่งเกียร์ R – Reverse ใช้สำหรับการถอยหลัง
  • ตำแหน่งเกียร์ N – Neutral ใช้สำหรับการจอดหรือหยุดรถชั่วคราวในพื้นที่ราบปกติ ซึ่งในตำแหน่งเกียร์ N รถจะสามารถถูกเข็นหรือขยับได้ 
  • ตำแหน่งเกียร์ D – Drive ใช้สำหรับให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า หากต้องการเพิ่มความเร็วใช้เท้าขวากดคันเร่งเพิ่ม

นอกจากตำแหน่งเกียร์ 4 ตำแหน่งนี้ที่ดูเหมือนจะครอบคลุมการทำงานของรถเกียร์ออโต้แทบทั้งหมดแล้ว ในรถยนต์แต่ละรุ่นหรือแต่ละแบรนด์ ยังมีตำแหน่งเกียร์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นมาแตกต่างกันไป ซึ่งหลายคนอาจยังสงสัยว่า แล้วตำแหน่งเกียร์ D1, D2 หรือเกียร์ 2 และเกียร์ L คือเกียร์อะไร มีไว้ทำไม และควรต้องใช้เมื่อใด มาดูความหมายของเกียร์เหล่านี้กัน

  • ตำแหน่งเกียร์ D11 และ L – เรียกอีกอย่างว่าเกียร์ต่ำ ใช้สำหรับการเคลื่อนที่บนเส้นทางที่มีความลาดชันมาก เช่น เนิน สะพาน หรือภูเขาสูง เมื่อเราเปลี่ยนเกียร์มาที่ตำแหน่ง D1 หรือ 1 การทำงานอัตราทดของเครื่องยนต์จะอยู่แค่เพียงเกียร์ 1 เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นเกียร์ที่มีพละกำลังมากที่สุด 
  • ตำแหน่งเกียร์ D2 หรือ 2 – มีลักษณะการทำงานที่คล้ายกับเกียร์ D1 หรือ 1 ใช้สำหรับการเคลื่อนที่บนเส้นทางที่มีความลาดชันไม่มากนัก เป็นเกียร์ที่ให้พละกำลังสูง ทำความเร็วได้ในระดับหนึ่ง

นอกจากจะใช้เกียร์ D1, D2, 2 และ L ในการขึ้นเขาหรือเส้นทางที่มีความลาดชันมาก ๆ แล้ว เรามักใช้เกียร์เหล่านี้ในการลงเขาด้วย เพราะการลงเขา ลงเนิน ที่มีความลาดชันมาก ๆ จำเป็นต้องใช้เบรก และถ้าหากเราใช้เบรกมากจนเกินไปก็อาจเกิดปัญหาเบรกไหม้ได้ การใช้เกียร์ D1, D2, 2 และ L เครื่องยนต์จะมีรอบที่สูง ทำให้เกิด Engine Brake หรือแรงต้านทานจากเครื่องยนต์ที่จะทำให้รถช้าลงเวลาลงเขานั่นเอง

ข้อควรระวังการใช้งานเกียร์ออโต้

รถเกียร์ออโต้แม้จะออกแบบมาเพื่อให้ความสบายแก่ผู้ขับขี่ แต่อีกมุมหนึ่งก็มีข้อควรระวังในการใช้งานด้วยเช่นกัน ทั้งในส่วนของความปลอดภัยตั้งแต่ยังไม่ออกรถ หรือแม้แต่ขณะขับขี่ เพื่อความปลอดภัยต่อตนเอง เพื่อนร่วมทาง และยืดอายุการใช้งานของเกียร์ออโต้ให้ยาวนาน

1.เหยียบเบรกทุกครั้งก่อนการเปลี่ยนเกียร์

2.ดูตำแหน่งเกียร์ทุกครั้งก่อนการออกตัวและหลังจากหยุดรถ

3.ไม่ควรออกตัวแบบกระชากอย่างรุนแรง

4.ไม่เข้าเกียร์ว่างขณะรถวิ่ง เช่น ขณะลงเขา

5.ไม่ควรคิกดาวน์เพื่อเร่งแซงบ่อย ๆ

ทั้งนี้ เพื่อความไม่ประมาทและความปลอดภัยในทุกการเดินทาง เราควรศึกษาและเข้าใจการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ของเกียร์ออโต้ เพื่อที่จะเลือกใช้งานเกียร์อัตโนมัติได้อย่างเหมาะสมตามสภาพถนน และขับขี่ด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้

แหล่งที่มา:https://car.kapook.com/view240919.html

check-credit