ระบบของเหลวในรถ ก็มีอายุการใช้งานเหมือนอุปกรณ์อื่นๆ ทั่วไปในรถยนต์ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้หากปล่อยให้แห้งให้หมดไป แน่นอนผลที่ตามมาคือกาารทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเต็มทีี่ของอุปกรณ์ส่วนนั่นๆ เพราะฉะนั้นเราควรหมั่นตรวจเช็คระบบของเหลวส่วนต่างๆภายในรถส่วนอยู่เป็นประจำ เพื่อป้องกันการเสียหายจากจุดเล็กๆ ก่อนจะรุกรามทำให้รถเสียหายหนักมากขึ้นกว่าเดิม
น้ำมันเครื่อง
ควรตรวจเช็คอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1ครั้ง เเละควรทำหลังจากดับเครื่องยนต์มากกว่า 5นาที ด้วยการจอดรถบนพื้นราบจากนั้นดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมา ใช้ผ้าสะอาดเช็ดคราบน้ำมันที่ก้านเเล้วเสียบกลับเข้าไปอีกครั้ง โดยก้านวัดระดับแบ่งออกเ็นสองระดับบคือ MIN ต่ำสุด เเละ MAX มากสุด ระดับของน้ำมันเครื่องที่ดีควรอยู่ระหว่างกึ่งกางของทั้งสองจุด หากต่ำก่า MIN น้ำมันเครื่องน้อยเครื่องยนต์จะสึกหรอเร็ว แต่ถ้าเกินจุด MAX จะทำให้เกิดควันขาวมากเพราะมีการเผาไม้ที่เกินพอดี หลังเติมน้ำมันเครื่องควรสตาร์ทเครื่องยนต์ให้น้ำมันเครื่องได้หมุนเวียนในเครื่องยนต์เเละดับเครื่อง เเละควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อรถวิ่งถึงระยะ 8,000 – 10,000 ก.ม. หรือทุกๆ 6 เดือน ถ้ารถใช้งานบ่อยก็อาจเปลี่ยนทุกๆ 5,000 ก.ม. หรือทุก 3 เดือน
น้ำมันเพาเวอร์
น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์สำหรับรถที่ไม่ได้ใช้ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแต่ยังใช้พวงมาลัยเพาเวอร์ไฮดรอลิคอยู่ น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์จะลดระดับลงช้ามากฉะนั้นควรตรวจเช็คทุกๆ 1ปี หรือทุกๆ 80,000 กิโลเมตร เพราะหากนานกว่านั้นอาจส่งผลเสีย เช่น การบังคับเลี้ยวจะทำได้ยากขึ้น นอกจากนี้ ปั๊มหรือชุดเฟืองขับและเฟืองสะพานอาจได้รับความเสียหายเมื่อไม่มีน้ำมันช่วยลดแรงกระแทก การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการเปลี่ยนปั๊มพวงมาลัยเพาเวอร์หรือชุดเฟืองขับและเฟืองสะพาน
น้ำมันเบรก
แม้น้ำมันเบรกจะมีการลดลงน้อยในการใช้งานแต่ก็ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกในทุกๆ 1ปี หรือ เปลี่ยนทุก ๆ 40,000 กม. สามารถตรวจปริมาณน้ำมันเบรกได้จากในกระปุกน้ำมันเบรกที่ห้องเครื่อง น้ำมันเบรกที่มีขายในท้องตลาดแบ่งระดับจุดเดือดตามตัวย่อ DOT ไว้ที่ 3, 4 เเละ 5 สำหรับรถยนต์บ้านทั่วไป ควรเลือกใช้ DOT3 หรือ DOT4 ก็พอเพราะเป็นน้ำมันที่เหมาะกับความร้อนการทำงานของจานเบรก
น้ำมันเกียร์
ระบบเกียร์คือส่วนที่ต้องดูเเลในรถเป็นพิเศาเพราะหากเกิดการสึกหรอหรือเสียหายบอกได้เลยว่าการซ่อมแซมต้องใช้เงินมากกว่าการดูเเลเสียอีก ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 20,000-30,000 กิโลเมตร แต่ถ้าคุณมีพฤติกรรมการขับรถที่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ ควรเปลี่่ยนทุกระยะทาง 10,000 – 20,000 กิโลเมตร หรือทุกๆ 1 ปี
น้ำมันคลัทช์
สำหรับรถเกียร์ธรรมดาทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนน้ำมันคลัทช์ (ใช้น้ำมันเบรคชนิดเดียวกัน) ควรเปลี่ยนพร้อมน้ำมันเบรค การเปลี่ยนน้ำมันคลัทช์ทุกปีช่วยยืดอายุชิ้นส่วนเหล่านี้ได้มากควรเปลี่ยนถ่ายทุก 1-1 ปีครึ่ง
น้ำหม้อน้ำ
ไม่ควรเติมแต่น้ำอย่างเดียวในหม้อน้ำ ควรเติมน้ำยาหล่อเย็นบ้างในบางครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้สนิมเกาะหมอน้ำ การเลือกใช้น้ำยาหล่อเย็นควรศึกษาให้ดีเพราะน้ำยาหล่อเย็นจะมีให้ทั้งสูตรผสมกับน้ำหรือไม่ผสมกัับน้ำ ควรหมั่นตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำทุกๆ สัปดาห์ เเละควรล้างหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกๆ 6เดือนหรือ 9เดือน
น้ำฉีดกระจก
ระดับควมพร่องของน้ำฉีดกระจกขึ้นอยู่กับพฤติกรรมปริมาณการใช้งานของคุณ หากคุณเป็นคนที่มักใช้ระบบน้ำฉีดกระจกบ่อยๆ ควรตรวจเช็คระดับน้ำสัปดาห์ละ 1ครั้ง เเละควรผสมน้ำยาทำความสะอาดแบบเจือจางเข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มความสะอาดขณะที่ก้านปัดน้ำฝนกำลังทำงาน
น้ำกลั่นแบตเตอรี่
สำหรับรถที่ใช้แบตเตอรี่แบบต้องเติมน้ำกลั่น ควรหมั่นตรวจสอบระดับน้ำกลั่นทุกสัปดาห์ เวลาเติมควรเติมทุกจุด โดยระดับน้ำกลั่นที่เหมาะสมควรท่วมแผ่นธาตุเล็กน้อย แบตเตอรี่รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งาน 2-3 ปี ทุกครั้งที่คุณเริ่มรู้สึกได้ว่าระบบไฟในรถยนต์เริ่มรวน เสียงแตรฟังเเล้วขัดๆ ไม่ชัดเจน นั่นหมายถึงอาการของแบตเตอรี่เสื่อมเริ่มมาเเล้ว ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่แต่เนิ่นๆ ก่อนที่กำลังไฟในรถของคุณจะหมดกลางทาง
แหล่งที่มา: เว็บไซต์ auto.mthai.com