ทุกๆ หน้าเทศกาลที่มีวันหยุดยาว หลายคนจะใช้จังหวะนี้เดินทางกลับบ้านเกิด หรือเดินทางท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งถ้ามีรถส่วนตัว ส่วนใหญ่ก็เลือกรถส่วนตัวไปเพื่อความสะดวก
อย่างไรก็ตาม ก่อนเดินทางไกลการตรวจสอบสภาพความฟิตของรถก็เป็นสิ่งสำคัญพอๆ กับการตรวจสอบความฟิตของคนขับ แล้วจุดไหนของรถบ้างที่ต้องเช็คเราจะมาชี้เป้า 7 จุดที่ควรเช็คให้ดีก่อนออกเดินทางไกล จะได้ไม่เหวอเพราะเจอปัญหากินข้าวลิงกลางทาง
เช็คน้ำมันเครื่อง
สิ่งสำคัญของรถยนต์นอกเหนือจากน้ำมันก็คือ ‘น้ำมันเครื่อง’ นี่แหละที่สำคัญ หากขาดน้ำมันเครื่องไปสิ่งที่ตามมาก็คือปัญหาเครื่องยนต์ถึงขั้นพังได้เพราะเครื่องยนต์จะขาดน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่นลดแรงเสียดทานในเครื่องยนต์ปัญหาต่างๆ ทั้งลูกสูบติด ฝาสูบโก่ง เครื่องความร้อนขึ้น ชาร์ปละลาย (แผ่นปะกับที่รองระหว่างข้อเหวี่ยงกับก้านสูบ) ทุกปัญหาเกิดจากการขาดน้ำมันเครื่อง ซึ่งความพินาศนั้นระดับยกเครื่องใหม่เลยทีเดียว
การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องทำได้ไม่ยาก แค่เปิดกระโปรงรถเปิดมองหาตำแหน่งจุดตรวจสอบน้ำมันเครื่อง จะมีก้านพลาสติกให้ตรวจสอบ ดึงออกมาแล้วดูว่าจุดของน้ำมันเครื่องอยู่ในตำแหน่ง L หรือ Low หรือเปล่า ถ้าใช่ก็เติมด่วน อย่ารอจนถึงครบรอบถ่ายน้ำมันเครื่องค่อยเปลี่ยนเลย มันเสี่ยงไป
เช็คระบบหล่อเย็น
อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องตรวจสอบมากที่สุดไม่แพ้เรื่องอื่นก็คือระบบหล่อเย็นในรถที่อยู่ในเครื่องยนต์ เราควรตรวจสอบการทำงานของระบบหล่อเย็นเสมอทุกครั้ง เช็คดูว่าในระบบหล่อเย็นยังทำงานดีอยู่ไหม หรือน้ำในหม้อน้ำยังมีน้ำอยู่ไหม แม้รถรุ่นใหม่หากเข้าศูนย์สม่ำเสมอ ก็ไม่ต้องกังวลเพราะศูนย์จะเติมให้ตลอด
แต่ก็เช็คสักนิดก่อนเดินทางก็ดี ถ้าเกิดเห็นหม้อน้ำมีปริมาณน้ำลดลงมากกว่าปกติ นี่คือสัญญาณที่บอกว่าคุณต้องตรวจสอบก่อนเดินทางไกลอย่างด่วน ไม่อย่างนั้นเครื่องร้อนเกินพังนะ
เช็คยาง
รถไม่มียางก็วิ่งไม่ได้นี่คือสัจธรรม ต่อให้ ‘โดมินิค ทอเร็ตโต้’ มาขับรถที่ไม่มียางก็อย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้ ดังนั้นเราควรตรวจสอบยางด้วยทุกครั้ง ทั้งลมยาง และดอกยาง อย่างแรกสุดตรวจสอบลมยางก่อนว่ามีปริมาณลมตรงกับมาตรฐานที่ควรจะเป็นไหม ซึ่งรถทุกคัน จะมีข้อมูลปริมาณลมยางที่เหมาะสมบอกไว้อยู่
อีกสิ่งหนึ่งคือดอกยาง ไม่ต้องประหยัดมากจนเกินไปเพราะหากดอกยางหมดโอกาสที่รถจะเกาะถนนไม่อยู่มีสูงมาก เสี่ยงที่รถจะเกิดอาการไถล บินไปเลยแม็กนั่มสูงมากๆ (ใครเข้าใจมุกนี้ถือว่าไม่เด็กแล้วนะ) หรือถ้ายางปริจนใกล้จะระเบิดก็ควรเปลี่ยนเถอะ ไม่อย่างนั้นยางระเบิดรถคว่ำ อาจถึงตายนะคุณ
เช็คผ้าเบรค
เบรคคืออีกส่วนที่สำคัญที่สุดของรถยนต์ ถ้าไม่มีเบรคแล้วรถจะเบรคยังไงล่ะจริงไหม แต่ที่น่าตกใจคือคนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับผ้าเบรค โดยเฉพาะรถยนต์หลายคนคิดว่าผ้าเบรคมีหลายล้อ หมดสักข้างก็มีเป็นไร
หารู้ไม่ว่าหากฝืนใช้ผ้าเบรคจนหมดนอกจากจะเบรคไม่อยู่แล้ว สิ่งที่ตามมาคือจานเบรคสึก ซึ่งจานเบรคสึกเมื่อเจอกับผ้าเบรคจะทำให้รถเกิดเสียงหอนเพื่อเตือน ถ้ายังไม่ฟังอีกก็เตรียมเงินก้อนไปซื้อจานเบรคมาเปลี่ยนได้เลย สึกก่อนกำหนดแน่ๆ
เช็คไฟส่องสว่าง
จุดหลักๆ ของไฟส่องสว่างที่ควรเช็คหลักๆ ได้แก่ ไฟหน้ารถ ไฟสูง ไฟท้าย ไฟเลี้ยวทั้งสิงข้าง และไฟเบรคทั้งสองข้าง บางคนมักง่าย คิดแค่ว่า ไฟมันดับไปดวงเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก มองเห็นอยู่ดี แต่คุณอย่าลืมว่า เวลากลางคืน รถยนต์ที่ไฟดับข้างหนึ่งมองไกลๆ คนนึกว่ามอเตอร์ไซค์ สมมติคาดเดาระยะผิดในการแซงขึ้นมานี่ชนตู้มเลยนะ
ส่วนไฟเลี้ยวที่ต้องส่งสัญญาณบอกคนอื่นว่าเราจะเลี้ยวก็สำคัญ บางจุดคุณจะกลับรถแต่ไฟเลี้ยวเสีย รถคันอื่นที่ตามมาหลังคุณมาเขาไม่สามารถตรัสรู้กับคุณได้แน่นอนว่าจะเลี้ยวหรือหยุด
เช็คแบตเตอรี่
แบตหมดคือจุดจบของการเดินทาง รถยนต์ใช้แบตเตอรี่ในการสตาร์ททั้งนั้น ถ้าแบตหมดรถก็สตาร์ทไม่ติด วิธีตรวจสอบแบตเตอร์ของรถทำได้สองวิธีคือหนึ่งใช้เครื่องมือวัดโวลต์ของแบตรถยนต์ซึ่งหาซื้อมาได้ไม่ยาก หรือสังเกตจากการตลาดรถยนต์
ถ้าสตาร์ทติดยากแล้วเป็นรถที่ใช้มานานเกินสองปีสันนิษฐานเบื้องต้นเลยว่าแบตหมด หากมีอุปกรณ์วัดโวลต์ไฟแบบพกพาก็สามารถเอามาช่วยตรวจสอบได้เพื่อความชัวร์ ถ้าแรงดันไฟต่ำกว่า 11 โวลต์ โอกาสสตาร์ทไม่ติดมีสูง แต่ถ้าแรงดันอยู่ที่ 13.8 – 14.2 โวลต์ ถือว่าปกติ
เช็คของเหลวอื่นๆ
ในรถยังมีของเหลวอื่นๆ ที่สำคัญนอกจากน้ำมันเครื่อง และน้ำหล่อเย็น ได้แก่น้ำมันเบรค, น้ำมันครัช, น้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันพาวเวอร์ (มีผลในการควบคุมพวงมาลัย) เปิดใต้กระโปรงมา (ใช่..กระโปรงรถ) จะเห็นกระปุกน้ำมันต่างๆ ตั้งอยู่
ถ้าไม่รู้ว่าจุดไหน เปิดคู่มือเลย ในนั้นมีบอกไว้อย่างละเอียด ส่วนน้ำยาแอร์ แม้จะไม่มีผลต่อการขับขี่ แต่ก็มีผลต่อความสบาย ถ้าแอร์ไม่เย็น แล้วต้องเดินทางในจุดที่ร้อนจัดๆ แอร์พัง นี่ชีวิตก็พังด้วยน้ำ ถ้ารู้สึกว่าแอร์ไม่เย็นก็เติมเถอะ
credit: https://www.mangozero.com/7-trick-checking-your-car-before-a-long-drive/