ปัจจุบันนี้ รถยนต์ ส่วนใหญ่ตามท้องถนนล้วนเป็นรถเกียร์ออโต้ หรือรถเกียร์อัตโนมัติ แทบจะทั้งหมด ด้วยการใช้งานที่ง่าย สะดวกสบาย เพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่ให้มากกว่าเดิม จะมือใหม่หัดขับหรือมือเก่าก็ขับได้ ไม่ยุ่งยากเหมือนรถเกียร์ธรรมดาที่ต้องคอยเหยียบคลัตช์ ใช้เพียงแค่เท้าขวาข้างเดียวคอยควบคุมคันเร่งและเบรกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารถยนต์เกียร์ออโต้นั้นจะถือได้ว่าออกแบบมาให้สามารถขับขี่ได้ง่าย แต่การใช้งานโดยเฉพาะการควบคุมและเลือกใช้เกียร์ให้เหมาะสมถูกต้องก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ผู้ขับขี่ไม่ว่าจะเป็นมือเก๋า หรือผู้ที่หัดขับรถเกียร์ออโต้ ก็ควรต้องศึกษาให้เข้าใจว่า เกียร์ต่าง ๆ ใช้สำหรับทำอะไร
การใช้งานเกียร์อัตโนมัติ
รถเกียร์ออโต้ หรือเกียร์อัตโนมัติ จะมีตำแหน่งเกียร์ที่สำคัญอยู่ 4 ตำแหน่งด้วยกัน ได้แก่ ตำแหน่ง P, R, N และ D ซึ่งในแต่ละตำแหน่งนั้นจะมีหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ในรถเกียร์ออโต้บางรุ่น เราอาจพบเจอกับตำแหน่ง D1, D2, 2 และ L ด้วยเช่นกัน เรามาดูหน้าที่ของเกียร์แต่ละตำแหน่งกันว่ามีหน้าที่อะไรบ้าง
- ตำแหน่งเกียร์ P – Park ใช้สำหรับการจอดรถอยู่กับที่หรือจอดรถในบริเวณที่มีพื้นที่ลาดเอียง จะไม่สามารถเข็นหรือขยับรถได้
- ตำแหน่งเกียร์ R – Reverse ใช้สำหรับการถอยหลัง
- ตำแหน่งเกียร์ N – Neutral ใช้สำหรับการจอดหรือหยุดรถชั่วคราวในพื้นที่ราบปกติ ซึ่งในตำแหน่งเกียร์ N รถจะสามารถถูกเข็นหรือขยับได้
- ตำแหน่งเกียร์ D – Drive ใช้สำหรับให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า หากต้องการเพิ่มความเร็วใช้เท้าขวากดคันเร่งเพิ่ม
นอกจากตำแหน่งเกียร์ 4 ตำแหน่งนี้ที่ดูเหมือนจะครอบคลุมการทำงานของรถเกียร์ออโต้แทบทั้งหมดแล้ว ในรถยนต์แต่ละรุ่นหรือแต่ละแบรนด์ ยังมีตำแหน่งเกียร์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นมาแตกต่างกันไป ซึ่งหลายคนอาจยังสงสัยว่า แล้วตำแหน่งเกียร์ D1, D2 หรือเกียร์ 2 และเกียร์ L คือเกียร์อะไร มีไว้ทำไม และควรต้องใช้เมื่อใด มาดูความหมายของเกียร์เหล่านี้กัน
- ตำแหน่งเกียร์ D1, 1 และ L – เรียกอีกอย่างว่าเกียร์ต่ำ ใช้สำหรับการเคลื่อนที่บนเส้นทางที่มีความลาดชันมาก เช่น เนิน สะพาน หรือภูเขาสูง เมื่อเราเปลี่ยนเกียร์มาที่ตำแหน่ง D1 หรือ 1 การทำงานอัตราทดของเครื่องยนต์จะอยู่แค่เพียงเกียร์ 1 เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นเกียร์ที่มีพละกำลังมากที่สุด
- ตำแหน่งเกียร์ D2 หรือ 2 – มีลักษณะการทำงานที่คล้ายกับเกียร์ D1 หรือ 1 ใช้สำหรับการเคลื่อนที่บนเส้นทางที่มีความลาดชันไม่มากนัก เป็นเกียร์ที่ให้พละกำลังสูง ทำความเร็วได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากจะใช้เกียร์ D1, D2, 2 และ L ในการขึ้นเขาหรือเส้นทางที่มีความลาดชันมาก ๆ แล้ว เรามักใช้เกียร์เหล่านี้ในการลงเขาด้วย เพราะการลงเขา ลงเนิน ที่มีความลาดชันมาก ๆ จำเป็นต้องใช้เบรก และถ้าหากเราใช้เบรกมากจนเกินไปก็อาจเกิดปัญหาเบรกไหม้ได้ การใช้เกียร์ D1, D2, 2 และ L เครื่องยนต์จะมีรอบที่สูง ทำให้เกิด Engine Brake หรือแรงต้านทานจากเครื่องยนต์ที่จะทำให้รถช้าลงเวลาลงเขานั่นเอง
ข้อควรระวังการใช้งานเกียร์ออโต้
รถเกียร์ออโต้แม้จะออกแบบมาเพื่อให้ความสบายแก่ผู้ขับขี่ แต่อีกมุมหนึ่งก็มีข้อควรระวังในการใช้งานด้วยเช่นกัน ทั้งในส่วนของความปลอดภัยตั้งแต่ยังไม่ออกรถ หรือแม้แต่ขณะขับขี่ เพื่อความปลอดภัยต่อตนเอง เพื่อนร่วมทาง และยืดอายุการใช้งานของเกียร์ออโต้ให้ยาวนาน
1.เหยียบเบรกทุกครั้งก่อนการเปลี่ยนเกียร์
2.ดูตำแหน่งเกียร์ทุกครั้งก่อนการออกตัวและหลังจากหยุดรถ
3.ไม่ควรออกตัวแบบกระชากอย่างรุนแรง
4.ไม่เข้าเกียร์ว่างขณะรถวิ่ง เช่น ขณะลงเขา
5.ไม่ควรคิกดาวน์เพื่อเร่งแซงบ่อย ๆ
ทั้งนี้ เพื่อความไม่ประมาทและความปลอดภัยในทุกการเดินทาง เราควรศึกษาและเข้าใจการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ของเกียร์ออโต้ เพื่อที่จะเลือกใช้งานเกียร์อัตโนมัติได้อย่างเหมาะสมตามสภาพถนน และขับขี่ด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
แหล่งที่มา:https://car.kapook.com/view240919.html